Raid 1

RAID- 1 เป็นการบันทึกข้อมูลลงบนตัวฮาร์ดดิสก์ทั้งสองพร้อมๆ กัน และเป็นข้อมูลเดียวกันเหมือนๆ กันเพื่อสำรองข้อมูลให้ปลอดภัยซึ่งกันและกันในกรณีที่หากมีฮาร์ดดิสก์ตัวใด ตัวหนึ่งเสียขึ้นมาก็จะไม่เกิดการสูญเสียเกิดขึ้นซึ่งเป็นเทคนิคการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Fault tolerance ที่ได้รับความนิยมในระดับ ENTRY LEVEL ในยุคแรกๆ จนกระทั่งจนถึงปัจจุบัน โดย RAID-1 ต้องใช้ ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว เท่านั้น มาต่อในการใช้งาน สำหรับการอีกระดับ ความปลอดภัย เป็นเทคนิค ที่เพิ่มตัวคอนโทลเลอร์ คือเป็นการใช้คอนโทลเลอร์ 2 ตัวเพื่อป้องกันคอนโทลเลอร์เสีย โดยมีสถานการณ์ทำงานทั้งสองตัวเป็น (Active/Active) หรือ (Active/Standby) กรณีเป็น Active จะทำงานตลอดเวลา ส่วน Standby จะใช้งานเมื่อคอนโทลเลอร์ตัวแรกเสีย ถ้ามีการใช้ 2 คอลโทลเลอร์จะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียน และทนต่อสภาวะเสียได้อีกระดับ


ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งในอะเรย์เสีย ตัวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระจกเงา (Mirror) ที่มีข้อมูลเหมือนกันทุกอย่าง ก็จะทำหน้าที่แทนในทันทีทันใด โดยไม่ทำให้การทำงานเกิดการสะดุด อีกทั้งถ้าหากเราเพิ่มฮาร์ดดิสก์สำรอง เป็นฮาร์ดดิสก์ตัวที่ 3 (แสตนบาย/ แบ็คอัพ) ซึ่งเป็นฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ถูกใช้งาน ในการทำงานปกติ เมื่อเกิดฮาร์ดดิสก์ใน Mirror เสีย ฮาร์ดดิสก์ตัวสำรอง จะถูกจับคู่เป็น Mirror แทนตัวที่เสียอัตโนมัติ RAID -1 มีการทำงานเรียก อีกอย่างหนึ่งว่า Data redundancy แนวความคิดที่นำ RAID-1 ไป ประยุกต์การใช้งานจึงเกี่ยวกับงานที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นหลัก ไม่เน้นเรื่องของความเร็วหรือประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล สำหรับการคิดขนาดความจุของ RAID-1 มีหลักการคำนวณดังนี้ 

สูตรคำนวณ ขนาดความจุ RAID- 1 = ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์ตัวน้อยที่สุดของคู่ฮาร์ดดิสก์ที่นำมาทำ RAID 

ยกตัวอย่างเช่น กรณีนำฮาร์ดดิสก์ ทั้ง 2 ตัวที่มีความจุ 100 GB และ 250 GB นำมาทำเป็น RAID- 1 จะได้ความจุรวมเท่ากับ 100 GB ดังนั้นในการใช้งาน RAID-1 จึงควรนำเอาฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดเดียวกันทุกตัว (ถ้าเป็นรุ่นเดียวกันและยี่ห้อเดียวกันได้ก็ยิ่งดี) ก็จะทำให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ว่างเปล่าน้อยที่สุด เนื่องจากการทำงานใน RAID-1 ซึ่งจะต้องมีการเขียนข้อมูลซึ่งที่เหมือนกันลงบนฮาร์ดดิสก์ ทั้ง 2 ตัวและจะต้องมีขบวนการตรวจสอบความเหมือนกันของข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ทั้ง 2 ตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นประสิทธิภาพด้านความเร็วในการเขียน / อ่านข้อมูลจึงต่ำกว่า RAID-1 และต่ำกว่าการต่อใช้งานฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ไม่ใช่ RAID อย่างแน่นอนเพียงแต่ RAID-1 จะได้ประโยชน์ในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลดังที่ได้กล่าวไปแล้วเท่านั้น


หลักการ : เอา Hard Disk มารวมกัน โดยเขียนข้อมูลเหมือนกันทั้ง 2 ลูก
ข้อดี : Hard Disk ลูกหนึ่งลูกใดเสีย ข้อมูลจะไม่หาย
ข้อเสีย : พื้นที่ Hard Disk จะหายไป 1 ลูก (ถ้าใช้ Hard Disk 4 ลูก ก็จะหายไป 2 ลูก)